มลพิษในอากาศแฝงไปด้วยอันตราย ไม่ใช่แค่ PM2.5 แต่ยังมี PM0.1 สารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ แบคทีเรีย และไวรัส ที่เล็กละเอียดถึง 0.003 ไมครอน ซึ่งแน่นอนว่าเล็กมากจนมองไม่เห็น และเบามากจนลอยไม่ตกพื้น เมื่อสูดหายใจเข้าไปสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของอวัยวะสำคัญในร่างกาย รวมถึงความผิดปกติของสมองที่เกี่ยวกับความจำและการรับรู้
ร้ายกว่า PM 2.5 คือ PM 0.1 อนุภาคเล็กละเอียดในอากาศ
หากวัดที่ผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ซึ่งจัดเป็นอนุภาคขนาดเล็กในอากาศ วัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ระหว่าง 0.1 – 2.5 ไมครอน จะพบว่า เมื่อสูดหายใจเข้าไปจะส่งผลต่ออาการป่วยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น หอบหืด หลอดลมอักเสบ และถุงลมโป่งพอง นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจและหลอดเลือดอย่าง โรคหัวใจและหัวใจเต้นผิดจังหวะ
Ultrafine particles คืออะไร
Ultrafine particles คือ อนุภาคเล็กละเอียดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางที่เล็กกว่า 0.1 ไมครอน หรือในบางครั้งเรียกว่า PM0.1 ซึ่งจัดเป็นอนุภาคที่อันตรายที่สุด และลอยตัวอยู่ในอากาศมากถึง 90% ของอนุภาคทั้งหมดในอากาศ เมื่อหายใจอนุภาคเล็กละเอียดสามารถแทรกซึมเข้าสู่ปอดได้ง่ายและติดอยู่ในปอดได้นานกว่า เป็นสาเหตุของการติดเชื้อ ทำให้ปอดอักเสบ เกิดความผิดปกติของผนังหลอดเลือด ส่งผลให้การแข็งตัวของเลือดช้าลง นอกจากนี้ PM0.1 ยังเชื่อมโยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและมะเร็ง ซึ่งเป็นผลกระทบจากระบบการทำงานในร่างกายที่ถูกทำลาย
ยิ่งเล็ก ยิ่งมองไม่เห็น ยิ่งเสี่ยงต่อสมอง
จนถึงปัจจุบัน มลภาวะที่เล็กที่สุดที่ค้นพบคืออนุภาคระดับเล็กละเอียด (Ultrafine particle) ซึ่งสามารถมีขนาดเล็กได้ถึง 0.003 ไมครอน ซึ่งเล็กกว่าไวรัสถึง 10 เท่า และยังมีข้อมูลจากนักวิจัยที่แสดงให้เห็นชัดว่าอนุภาคเล็กละเอียดมีผลต่อสมองส่วนการรับรู้ ยกตัวอย่างการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Translational Psychiatry ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างอนุภาคเล็กละเอียดในอากาศกับความผิดปกติของระบบประสาทและขีดความสามารถในการรับรู้ที่ลดลง เช่น ภาวะความจำบกพร่อง หรือความบกพร่องในการใช้เหตุและผล
คุณทำอะไรได้บ้างเพื่อปกป้องสมอง
เมื่อเราออกนอกอาคาร อาจต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่บริเวณในอาคารหรือในบ้าน เราสามารถควบคุมดูแลได้
แผ่นกรอง HEPA ในเครื่องฟอกอากาศทั่วไปสามารถดักจับอนุภาคมลพิษทั่วไปจากอากาศภายนอกได้ แต่ยังไม่สามารถดักจับอนุภาคที่อันตรายสูง ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีปริมาณมากที่สุดในอากาศได้ เพราะขนาดของอนุภาคอันตรายเหล่านั้นละเอียดถึง 0.003 ไมครอน ซึ่งเทคโนโลยีระดับ HyperHEPA ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะเท่านั้นของ IQAir ได้รับการรับรองว่าสามารถหยุดอนุภาคเล็กละเอียดได้
- รู้และเข้าใจคุณภาพอากาศภายในอาคารหรือภายในบ้าน (Indoor Air Quality – IAQ) – เพื่อที่จะปรับปรุงคุณภาพอากาศ (Air Quality Improvement) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเครื่องวัดคุณภาพอากาศ AirVisual Pro ของ IQAir สามารถวัดค่าทั้งมลพิษในอากาศ (AQI – Air Quality Index) ค่าอุณหภูมิ ความชื้น รวมถึงคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากการหายใจออก เพราะถ้ามีมากไปอาจทำให้อ่อนเพลียจนหมดสติได้ จึงมาพร้อมคำแนะนำในการปรับปรุง เช่น ควรเปิดเครื่องฟอกอากาศเพราะมีฝุ่นมาก หรือควรเปิดหน้าต่างเพื่อระบายคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มออกซิเจน
- เช็กคุณภาพอากาศภายนอกสม่ำเสมอ – เพราะเรายังจำเป็นต้องเปิดรับอากาศภายนอกมาหมุนเวียนเพื่อเพิ่มออกซิเจน การรู้ค่า AQI ภายนอกจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งสามารถดูได้ผ่านแอปพลิเคชัน AirVisual ของ IQAir ซึ่งมีข้อมูล real-time พร้อมพยากรณ์ล่วงหน้าที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
- หลีกเลี่ยงการเปิดรับอากาศที่ไม่จำเป็นที่บ้าน – เพื่อลดมลพิษที่จะเข้ามาในบ้าน ควรเลือกใช้ระบบเติมอากาศสะอาดเพื่อกรองอากาศก่อนเข้าบ้าน (Perfect 16) และเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงที่กรองอนุภาคเล็กละเอียดได้ (HealthPro)
- เลือกใช้เครื่องฟอกอากาศส่วนบุคคลขนาดเล็กประสิทธิภาพสูง – หากเราต้องออกไปข้างนอก เช่น ไปที่ทำงานหรือนั่งทำงานตามจุดต่าง ๆ รวมถึงบนรถ เราสามารถเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศส่วนบุคคลที่พกพาได้สะดวกและกรองอนุภาคเล็กละเอียด003 ไมครอนได้ (Atem)
- ลดการสร้างมลพิษทางอากาศ – เช่น ลดการใช้รถส่วนบุคคลแล้วเปลี่ยนไปใช้ขนส่งสาธารณะหรือการเดิน เพราะทุกครั้งที่คุณตัดสินใจใช้ จะช่วยลดการสร้างมลพิษกับทุกคนได้