เครื่องฟอกอากาศช่วยป้องกันไวรัส COVID-19 ได้จริงหรือไม่ ?

กุมภาพันธ์ 10, 2021

จากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสยังสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2019 จนถึง ต้นปี 2021 รวมแล้วกว่า 100 ล้านรายทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนระบบทางเดินหายใจกว่า 2 ล้านคน (อัพเดตจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อ: https://covid19.who.int/)

วิกฤตนี้ สร้างโอกาสให้แบรนด์สินค้ามากมายออกมาสื่อสารว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นสามารถช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงเกี่ยวกับไวรัสได้ หนึ่งในนั้นคือ “เครื่องฟอกอากาศ” 

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องฟอกอากาศแบบไหนที่ช่วยป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ได้จริง ?

นี่เป็นคำถามที่คุณต้องประเมินคำตอบด้วยตัวเอง โดยการทำความเข้าใจ 2 เรื่องหลัก คือ รูปแบบการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ

ไวรัสโควิด 19 แพร่เชื้อได้อย่างไร ?

เหตุไวรัสที่เกิดในครั้งนี้เป็นอุบัติใหม่ เรายังคงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีที่ไวรัสแพร่กระจายอยู่ผ่านกระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ ซึ่งไวรัสนี้เป็นไวรัสกลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน SARS-CoV-2 หรือ Severe Acute Respiratory Syndrome – Coronavirus 2 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยหรือละอองในอากาศ (Aerosol) เช่นเดียวกับโรคหัดและไข้หวัดใหญ่ เมื่อไวรัสเดินทางมาสัมผัสกับเยื่อบุต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น เยื่อบุในตา เยื่อบุโพรงจมูก และเยื่อบุในปาก จะเกิดติดเชื้อ เจ็บป่วย ถึงขั้นเสียชีวิตได้

โดยทั่วไปแล้ว การติดเชื้อที่อยู่ในรูปของสารคัดหลั่งนั้นเกิดได้จาก

  • หยดละอองที่แพร่กระจายในระยะใกล้: ไวรัสสามารถแพร่กระจายจากผู้ติดเชื้อระยะประชิด ผ่านกิจกรรมการร้องเพลง ตะโกน พูดคุย หรือไอจาม ละอองนี้จะมีขนาดใหญ่ (เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 ไมครอน) และหลุดออกไปในอากาศอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที การหาสวมสิ่งป้องกันอย่างหน้ากากอนามัย Face shield หรือแก้ที่ต้นเหตุโดยงดการสังสรรค์ เลี่ยงแหล่งชุมชน จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อในรูปแบบนี้ และเครื่องฟอกอากาศอาจไม่สามารถช่วยป้องกันการแพร่กระจายในรูปแบบนี้ได้

  • การสัมผัส: ไวรัสจากผู้ติดเชื้อสามารถเกาะอยู่บนวัตถุหรือพื้นผิว และแพร่กระจายสู่ผู้อื่นผ่านการสัมผัสพื้นผิวพาหะแล้วเข้าสู่ร่างกายเมื่อเราเอามือมาจับบริเวณใบหน้า จมูก ปาก ตา การดูแลสุขอนามัยให้ตัวเอง เช่น การล้างมือบ่อย ๆ ใช้เจลและสเปรย์แอลกอฮอล์ร่วมด้วย จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศไม่สามารถช่วยป้องกันการแพร่กระจายในรูปแบบนี้ได้

  • ละอองฝอยที่แพร่ในระยะไกล: การไอจาม ตะโกน หรือร้องเพลง ยังก่อให้เกิดละอองฝอยขนาดเล็กที่อาจปะปนด้วยไวรัสกว่า 40,000 หยด (เส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 ไมครอน) ซึ่งละอองขนาดนี้สามารถลอยได้ไกลถึง 4 เมตร อยู่ในอากาศได้นานกว่า 45 นาที การอยู่ร่วมกันในสถานที่ปิด เช่น บ้าน ห้องประชุม ห้องสมุด และร้านอาหาร แม้รักษาระยะห่างแต่ไวรัสก็อาจลอยไปถึงได้ ระบบวิศวกรรมฟอกอากาศแบบห้องแรงดันต่าง ๆ ที่ใช้ในทางการแพทย์ และเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง สามารถช่วยลดการแพร่กระจายในรูปแบบนี้ได้
เครื่องฟอกอากาศช่วยป้องกันไวรัส COVID-19 ได้จริงหรือไม่ ?

เครื่องฟอกอากาศกรองเชื้อไวรัสได้อย่างไร ?

เครื่องฟอกอากาศระบบกรองจะใช้แผ่นกรองในการกำจัดอนุภาคออกจากอากาศด้วยการจับให้ติดอยู่กับโครงตาข่าย โดยส่วนใหญ่แล้วตาข่ายนั้นแบ่งออกเป็นชนิดใยแก้วแท้และใยสังเคราะห์ ซึ่งแต่ละชนิดนั้นมีข้อดีและข้อด้อยที่แตกต่างกัน

แผ่นกรอง HEPA หรือ (High Efficiency Particulate Air) นั้นส่วนมากผลิตจากใยสังเคราะห์ที่มีการเพิ่มประจุไฟฟ้าสถิตไว้บนเส้นใยเพื่อช่วยดักจับอนุภาคให้ติดกับตาข่ายซึ่งมีข้อจำกัดมากกว่า เพราะเมื่อใช้ไประยะหนึ่งตัวกรองจะสะสมอนุภาคไว้มากเกินไปจนเต็ม ประจุไฟฟ้าสถิตบนเส้นใยที่ช่วยดึงอนุภาคไว้ก็จะลดลงด้วย ความสามารถในการกรองจึงสูญเสียไปเมื่อใช้กรองไปสักระยะหนึ่ง

มาตรฐานที่ใช้อ้างอิงแผ่นกรอง HEPA นั้นเทียบการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนเท่านั้น หรือมีขนาดใหญ่กว่าไวรัสทั่วไปถึง 3 เท่า (ไวรัสที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ 0.02 ไมครอน) ส่วนมาตรฐานที่เครื่องฟอกอากาศนิยมอ้างอิงคือ CADR – Clean Air Delivery Rate ซึ่งทำการทดสอบเพียง 20 นาทีและทดสอบเพียงฝุ่น เกสรดอกไม้ ควันบุหรี่ เท่านั้น จึงไม่สามารถสะท้อนประสิทธิภาพที่แท้จริงเมื่อต้องใช้ในชีวิตประจำวันได้

แผ่นกรองระดับ HyperHEPA ผลิตจากใยแก้วแท้ซึ่งมีความละเอียดถึง 0.003 ไมครอน จึงสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กละเอียด (Ultrafine particles) ขนาด 0.1 ไมครอนได้  หากนำมาเปรียบเทียบกับอนุภาคในอากาศที่เล็กที่สุดในโลกที่ถูกค้นพบคือ 0.003 ไมครอน ไวรัสที่เล็กที่สุดในโลกมีขนาด 0.02 ไมครอน ส่วนไวรัสสายพันธุ์โคโรนานั้นมีขนาดประมาณ 0.06 ถึง 0.14 ไมครอน ทั้งหมดนี้เล็กกว่า PM2.5 หลายร้อยเท่าและไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า โดยแผ่นกรองระดับ HyperHEPA ที่ผลิตจากวัสดุใยแก้วแท้ นั้นมีคุณสมบัติในการดักจับอนุภาคเหล่านี้ได้ดีกว่า และยังทำงานได้เต็มที่ตลอดอายุการใช้งาน

ไวรัสโควิด 19 แพร่กระจายได้อย่างไร ?

ไม่มีเครื่องฟอกอากาศไหนที่ป้องกันการแพร่กระจายไวรัสได้ 100%

เครื่องฟอกอากาศไม่ควรเป็นด่านแรกในการป้องกันไวรัส ถึงแม้ว่าจะกำจัดไวรัสออกจากอากาศได้ด้วยการดักจับไว้โดยตัวกรองที่ออกแบบมาเฉพาะ แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ทุกรูปแบบ ดังนั้นการลดความเสี่ยงเริ่มต้นได้ที่ตัวเอง 

การใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตามคำแนะนำทางการแพทย์ รวมถึงการรักษาสุขอนามัยที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐาน การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เป็นประจำ ฯลฯ ควรเป็นด่านแรกของการป้องกันการเจ็บป่วยจากไวรัสทุกชนิด

เครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงจาก IQAir

เครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงอย่าง IQAir HealthPro Series นั้น เลือกใช้แผ่นกรองระดับ HyperHEPA ที่จดสิทธิบัตรเฉพาะ และเป็นแบบที่ผลิตจากวัสดุใยแก้วแท้ ซึ่งมีคุณสมบัติของเส้นใยที่ซับซ้อนกว่าแบบสังเคราะห์และประจุไฟฟ้าสถิตบนเส้นใยยังคงอยู่ได้แม้เวลาจะผ่านไปนาน อีกทั้งแผ่นกรองมีขนาดใหญ่หลายตารางเมตรแต่พับลงในองศาที่ออกแบบมาเฉพาะ จึงทำให้ประสิทธิภาพการกรองยังคงอยู่เหมือนวันแรกได้นานหลายปี ในขณะที่มาตรฐานการกรองที่อ้างอิงคือ European Norm EN1822 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วยุโรป

มั่นใจมากขึ้นด้วยการออกแบบโครงเครื่อง 2 ชั้นแบบ 3D UltraSeal ป้องกันไม่ให้อากาศที่ไม่ผ่านการกรองไหลกลับออกมาในห้อง ที่สำคัญทุกเครื่องที่ผลิตจะผ่านการตรวจสอบคุณภาพ วัดการกรองจริงต้องได้ประสิทธิภาพอย่างน้อย 99.97% พร้อมใบรับรองก่อนส่งออกจากโรงงานได้

เกี่ยวกับ IQAir

IQAir เป็นบริษัทสัญชาติสวิสที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีการฟอกอากาศ โดยมีจุดมุ่งหมายช่วยให้บุคคล องค์กรและชุมชนสามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพอากาศและการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2506 IQAir เป็นผู้นำระดับโลกและดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

สินค้าแนะนำในบทความ

HealthPro 250

เครื่องฟอกอากาศอันดับ 1 สำหรับผู้ป่วยโรคภูแพ้และหอบหืด เทคโนโลยีแผ่นกรอง HyperHEPA หยุดยั้งแม้แต่อนุภาคที่เล็กที่สุด

IQAir HP250 - Rear view- Air purifier

Atem Desk

สร้างโซนอากาศสะอาดส่วนตัวทุกที่ที่คุณต้องการ