เครื่องฟอกอากาศสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์: ปกป้องลูกน้อยจากมลพิษได้อย่างไร?

ท่ามกลางความกังวลเรื่องมลภาวะทางอากาศที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ผลการวิจัยล่าสุดจากออสเตรเลียได้เปิดประเด็นน่าตกใจเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อทารกในครรภ์ แม้ในพื้นที่ที่เราเคยเชื่อว่า “ปลอดภัย” จากมลพิษ

การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Australian and New Zealand Journal of Public Health เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 ได้เผยให้เห็นภาพที่น่าวิตก ทีมวิจัยได้ติดตามหญิงตั้งครรภ์กว่า 1,800 คนในชานเมืองที่ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และมีการจราจรเพียงระดับปานกลาง ผลลัพธ์ที่ได้สร้างความประหลาดใจ: ทารกที่เกิดมามีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของออสเตรเลียตะวันตกถึง 0.12 ปอนด์ จากน้ำหนักเฉลี่ยปกติที่ 7.7 ปอนด์

“นี่เป็นสัญญาณเตือนที่เราไม่ควรมองข้าม” ดร. Gavin Pereira หัวหน้าทีมวิจัยและนักระบาดวิทยาผู้มีชื่อเสียงกล่าว ก่อนหน้านี้ในปี 2558 ดร. Pereira เคยเปิดเผยงานวิจัยที่ระบุว่า มลพิษจากการจราจรในเมืองเพิร์ธเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการหอบหืดรุนแรงในเด็กเล็กสูงขึ้นถึง 70% ล่าสุด เขาแสดงความกังวลต่อผลการศึกษาครั้งใหม่นี้ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The West Australian ว่า “เราจำเป็นต้องศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน ในฐานะนักวิจัย เรายังไม่สามารถระบุระยะห่างที่ปลอดภัยจากมิลพิษได้สำหรับการสร้างที่อยู่อาศัยให้ห่างจากถนนหลัก”

ความเชื่อมโยงระหว่างมลพิษทางอากาศและปัญหาสุขภาพทารกไม่ใช่เรื่องใหม่ในแวดวงการแพทย์ ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส (UCLA) เคยเผยแพร่ผลงานวิจัยที่น่าตกใจ โดยพบความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างระดับคาร์บอนมอนอกไซด์สูงและมลพิษอนุภาคขนาดเล็กกับการคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดต่ำ และความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด นอกจากนี้ พวกเขายังชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนระหว่างการจราจรในย่านที่พักอาศัยกับภาวะทารกคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักตัวต่ำ

จากผลการศึกษาเหล่านี้ เป็นที่เข้าใจได้ว่าเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูงที่สามารถลดหรือกำจัดมลพิษอนุภาคและก๊าซพิษในบ้านอาจเป็นเกราะป้องกันสำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการเลือกเครื่องฟอกอากาศไม่ใช่เรื่องที่ควรทำอย่างเร่งรีบ ดร. Sarah Johnson นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ให้ข้อแนะนำว่า “คุณแม่ตั้งครรภ์ควรพิจารณาเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ใช้เทคโนโลยีที่ปลอดภัยเท่านั้น”

ทั้งสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ (EPA) และสมาคมโรคปอดสหรัฐอเมริกา ต่างออกมาแนะนำอย่างชัดเจนให้หลีกเลี่ยงเครื่องฟอกอากาศที่ผลิตโอโซน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตโดยตั้งใจหรือเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการสร้างประจุไฟฟ้า พวกเขาแนะนำให้เลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่ดักจับมลพิษด้วยตัวกรองหรือฟิลเตอร์คุณภาพสูง แทนที่จะใช้เทคโนโลยีประจุไฟฟ้าหรือโอโซน

ความกังวลเรื่องโอโซนมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ดังที่ปรากฏในงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (USC) ในปี 2548 การศึกษาดังกล่าวเปิดเผยข้อมูลสำคัญว่า ทารกที่เกิดจากมารดาที่สัมผัสกับโอโซนในระดับสูงระหว่างตั้งครรภ์มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่จะเกิดมาพร้อมกับภาวะน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์

คุณหมอ Emily Carter แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติศาสตร์ กล่าวสรุปว่า “การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่เปราะบางอย่างยิ่ง ทั้งสำหรับแม่และลูกน้อยในครรภ์ ทุกการตัดสินใจส่งผลต่ออนาคต” เธอแนะนำว่า “หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นหรือมีมลพิษอุตสาหกรรม แม้เพียงระดับปานกลาง การลงทุนในเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูงอาจเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดสำหรับสุขภาพของคุณและลูกน้อย”

ในยุคที่คุณภาพอากาศกลายเป็นความท้าทายทั่วโลก การปกป้องอากาศภายในบ้านให้สะอาดและปลอดภัยจึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่อาจเป็นความจำเป็นสำหรับอนาคตที่แข็งแรงของเด็กรุ่นถัดไป

ที่มา: https://www.iqair.com/us/newsroom/air-purifiers-can-help-control-risk-pregnant-women-babies